มีสาเหตุมาจากสมองขาดเลือดไปเลี้ยงอย่างเฉียบพลัน(stroke) เนื่องมาจากเส้นเลือดแดงในสมอง อาจมีการตีบ อุดตัน หรือแตก ทำให้เนื้อสมองบางส่วนที่ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของร่างกายตายหรือหยุดสั่งงาน จึงทำให้เกิดอาการอัมพาตของร่างกายซีกตรงกันข้าม ทำให้ร่างกายมีการสูญเสียการทำงานของแขนขาในด้านเดียวกันของลำตัว เป็นโรคที่พบได้บ่อยในวัยกลางคนหรือวัยสูงอายุ
สาเหตุของการเกิดแบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆตามสาเหตุของการเกิดโรค
1.เกิดจากสมองขาดเลือด (ischemic stroke) แบ่งย่อยออกเป็น หลอดเลือดในสมองตีบตัน (Cerebral thrombosis) เกิดจากมีลิ่มเลือดในหลอดเลือดสมองไปอุดตันหลอดเลือดทำให้สมองขาดเลือดไปเลี้ยง พบได้บ่อยที่สุด และหลอดเลือดในสมองมีลิ่มเลือดอุดตัน (cerebral embolism) เกิดจากลิ่มเลือดที่หลุดมาจากอวัยวะอื่นเข้าสู่หลอดเลือดสมอง ทำให้หลอดเลือดสมองอุดตัน ส่วนใหญ่พบในผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคเลือด หรือรับประทานยาคุมกำเนิด
2.เกิดจากหลอดเลือดสมองแตก ( hemorrhagic stroke) ทำให้เลือดออกในสมองหรือช่องใต้เยื่อหุ้มสมอง ส่วนมากพบในผู้สูอายุ หรือผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตสูง เป็นสาเหตุที่มีอันตรายร้ายแรงอาจตายได้ในเวลารวดเร็ว
ปัจจัยเสี่ยงโรคหลัก
1.ความดันโลหิตสูง มีอัตราเสี่ยงสูงกว่าคนปกติ 3- 17 เท่า ขึ้นอยู่กับอายุและความรุนแรงในแต่ละราย
2.โรคเบาหวาน เพราะจำทำให้ผนังหลอดเลือดแดงแข็งทั่วร่างกาย ทำให้เกิดการอุดันของหลอดเลือด
มีความเสี่ยงกว่าคนปกติ 2.5-4 เท่า
3.ภาวะไขมันในเลือดสูง อาจทำให้เกิดการอุดตันของหลอดเลือดได้
4.การสูบบุหรี่ มีความเสี่ยงกว่าคนปกติ 3 เท่า ทำให้หลอดเลือดตีบได้ง่าย
ปัจจัยเสี่ยงโรครอง
ได้แก่ ผู้สูงอายุ เชื้อชาติ การดื่มสุรา โรคหัวใจ โรคเลือด การรับประทานยาคุมกำเนิด ความอ้วน ขาดการออกกำลังกาย ประวัติครอบครัวบิดามารดาเสียชีวิตด้วยโรคหลอดเลือดสมอง และผู้ป่วยที่เคยเป็นโรคหลอดเลือดสมองมาก่อน
อาการเตือน
โรคอัมพาตครึ่งซีกจะมีอาการอ่อนแรงของแขนขาซีกหนึ่งเกิดขึ้นฉับพลันทันทีบางคนอาจสังเกตว่าจู่ๆล้มลง หรือก้าวขาไม่ได้ ขยับแขนไม่ได้ อาจมีอาการชาตามแขนขาตามัว ตาเห็นภาพซ้อน พูดไม่ได้หรือพูดอ้อแอ้ปากเบี้ยวหรือกลืนไม่ได้ร่วมด้วยบางคนอาจมีอาการปวดศีรษะ วิงเวียน หรือมีความรู้สึกสับสนก่อนที่เกิดอาการอัมพาต ในรายที่เป็นรุนแรง อาจมีอาการเป็นลม หมดสติ ซึ่งมักจะเกิดจากหลอดเลือดในสมองแตก และมีเลือดคั่งในสมอง
การป้องกัน
ตรวจสุขภาพประจำปี หากมีปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคให้ควบคุมให้อยู่ในภาวะปกติ และการป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำโดยการใช้ยาต้านเกล็ดเลือด
การรักษา
การรักษา แพทย์ผู้ให้การรักษาจะมีมีการใช้ยา เพื่อลดอาการของการขาดเลือดที่สมอง เช่น การรักษาความดันให้พอเหมาะ ใช้ยาต้านเกล็ดเลือด ใช้ยากันเลือดแข็ง การลดความหนืดของเลือด ให้ยาลดสมองบวม หากใช้ยาไม่ได้ผลแพทย์จะพิจารณาการผ่าตัด ตามแต่ละราย
หลังจากรักษาจนอาการคงที่และผู้ป่วยเป็นอัมพาทครึ่งซีก จะเป็นหน้าที่ของแพทย์และบุคลากรในทีมเวชศาสตร์ฟื้นฟูที่ต้องทำหน้าที่รักษาและฟื้นฟูเพื่อให้ผู้ป่วยกลับมาใช้อวัยวะต่างๆได้ใกล้เคียงปกติมากที่สุด
กภ.สุพรรณี ใจวงศ์ศรี
ราชพฤกษ์คลินิกกายภาพบำบัด
อ้างอิงจาก
สาเหตุของการเกิดแบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆตามสาเหตุของการเกิดโรค
1.เกิดจากสมองขาดเลือด (ischemic stroke) แบ่งย่อยออกเป็น หลอดเลือดในสมองตีบตัน (Cerebral thrombosis) เกิดจากมีลิ่มเลือดในหลอดเลือดสมองไปอุดตันหลอดเลือดทำให้สมองขาดเลือดไปเลี้ยง พบได้บ่อยที่สุด และหลอดเลือดในสมองมีลิ่มเลือดอุดตัน (cerebral embolism) เกิดจากลิ่มเลือดที่หลุดมาจากอวัยวะอื่นเข้าสู่หลอดเลือดสมอง ทำให้หลอดเลือดสมองอุดตัน ส่วนใหญ่พบในผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคเลือด หรือรับประทานยาคุมกำเนิด
2.เกิดจากหลอดเลือดสมองแตก ( hemorrhagic stroke) ทำให้เลือดออกในสมองหรือช่องใต้เยื่อหุ้มสมอง ส่วนมากพบในผู้สูอายุ หรือผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตสูง เป็นสาเหตุที่มีอันตรายร้ายแรงอาจตายได้ในเวลารวดเร็ว
ปัจจัยเสี่ยงโรคหลัก
1.ความดันโลหิตสูง มีอัตราเสี่ยงสูงกว่าคนปกติ 3- 17 เท่า ขึ้นอยู่กับอายุและความรุนแรงในแต่ละราย
2.โรคเบาหวาน เพราะจำทำให้ผนังหลอดเลือดแดงแข็งทั่วร่างกาย ทำให้เกิดการอุดันของหลอดเลือด
มีความเสี่ยงกว่าคนปกติ 2.5-4 เท่า
3.ภาวะไขมันในเลือดสูง อาจทำให้เกิดการอุดตันของหลอดเลือดได้
4.การสูบบุหรี่ มีความเสี่ยงกว่าคนปกติ 3 เท่า ทำให้หลอดเลือดตีบได้ง่าย
ปัจจัยเสี่ยงโรครอง
ได้แก่ ผู้สูงอายุ เชื้อชาติ การดื่มสุรา โรคหัวใจ โรคเลือด การรับประทานยาคุมกำเนิด ความอ้วน ขาดการออกกำลังกาย ประวัติครอบครัวบิดามารดาเสียชีวิตด้วยโรคหลอดเลือดสมอง และผู้ป่วยที่เคยเป็นโรคหลอดเลือดสมองมาก่อน
อาการเตือน
โรคอัมพาตครึ่งซีกจะมีอาการอ่อนแรงของแขนขาซีกหนึ่งเกิดขึ้นฉับพลันทันทีบางคนอาจสังเกตว่าจู่ๆล้มลง หรือก้าวขาไม่ได้ ขยับแขนไม่ได้ อาจมีอาการชาตามแขนขาตามัว ตาเห็นภาพซ้อน พูดไม่ได้หรือพูดอ้อแอ้ปากเบี้ยวหรือกลืนไม่ได้ร่วมด้วยบางคนอาจมีอาการปวดศีรษะ วิงเวียน หรือมีความรู้สึกสับสนก่อนที่เกิดอาการอัมพาต ในรายที่เป็นรุนแรง อาจมีอาการเป็นลม หมดสติ ซึ่งมักจะเกิดจากหลอดเลือดในสมองแตก และมีเลือดคั่งในสมอง
การป้องกัน
ตรวจสุขภาพประจำปี หากมีปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคให้ควบคุมให้อยู่ในภาวะปกติ และการป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำโดยการใช้ยาต้านเกล็ดเลือด
การรักษา
การรักษา แพทย์ผู้ให้การรักษาจะมีมีการใช้ยา เพื่อลดอาการของการขาดเลือดที่สมอง เช่น การรักษาความดันให้พอเหมาะ ใช้ยาต้านเกล็ดเลือด ใช้ยากันเลือดแข็ง การลดความหนืดของเลือด ให้ยาลดสมองบวม หากใช้ยาไม่ได้ผลแพทย์จะพิจารณาการผ่าตัด ตามแต่ละราย
หลังจากรักษาจนอาการคงที่และผู้ป่วยเป็นอัมพาทครึ่งซีก จะเป็นหน้าที่ของแพทย์และบุคลากรในทีมเวชศาสตร์ฟื้นฟูที่ต้องทำหน้าที่รักษาและฟื้นฟูเพื่อให้ผู้ป่วยกลับมาใช้อวัยวะต่างๆได้ใกล้เคียงปกติมากที่สุด
กภ.สุพรรณี ใจวงศ์ศรี
ราชพฤกษ์คลินิกกายภาพบำบัด
อ้างอิงจาก
- ผศ.ดร.น้อมจิตต์ นวลเนตร์.(2551).หลักการทางกายภาพบำบัดสำหรับผู้ป่วยทางระบบประสาท .ข่อนแก่น :โรงพิมพ์คลังนานาวิทยา.
- จิรานันท์ กริฟฟิทส์. (2557). อัมพาทครึ่งซีก ความเสี่ยง และการป้องกัน สืบค้นจาก http://www.ams.cmu.ac.th/th/images/stories/your_health/18.pdf /